วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

น้ำตาลเทียม ปลอดภัยหรือไม่?






การค้นพบน้ำตาลเทียมนั้นกลายเป็นฉากหนึ่งในหนังตลกคลาสสิคเรื่อง นัทตี้ โปรเฟสเซอร์ในปี 1879 ไอรา เรมเซ็นนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย จอห์นฮอฟคินส์ ในบัลติมอร์ สังเกตเห็นอนุพันของ โคลทา ที่บังเอิญหยดลงมาจากมือของเขานั้นมีรสหวาน ขณะที่เขาไม่ได้ผอมลง แต่บัดดี้ เลิฟผอมลงซึ่งเป็นบุคคลิกที่เอ็ดดี้เมอร์ฟีเล่นและเจอร์รี่ลีวิสเล่นให้หนังตลกนั้น, หยดที่ก่อตัวขึ้นนั้นเป็นขั้นตอนเพื่อพัฒนาแซ็คคารีน (น้ำตาล) ซึ่งเป็นน้ำตาลเทียมที่เรารู้จักกันทุกวันนี้กว่า125ปีต่อมา แซ็คคารีนถูกรวมเข้ากับบัญชีน้ำตาลเทียมซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีที่แปรปรวน, ใช้ประกอบกับอะซิฟูวเฟม โปทัสเซียม (สูเน็ทท์), แอสพาร์เทม(นูทราสวีท หรือ อีควอล์), แซ็คคราโลส (สปลีนดา), และ ดี-ทากาโทส(สูการี)ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใข้แทนน้ำตาล ตัวอย่างเช่นเราสามารถใช้น้ำเชื่อมของข้าวโพด, ในโซดา และน้ำหวาน และน้ำตาลชงกาแฟ ของหวานมีอญู่ในสิ่งต่างๆมากมายจากช็อคโกแล็ต, และน้ำมะเขื่อเทศ,ไปจนถึงหมากฝรั่ง, ไอศครีม, และเครื่องดื่มประเภทน้ำหวาน แต่อยากร็ว่าน้ำตาลเทียมปลอดภัยหรือไม่ , และช่วยในการลดน้ำหนักได้หรือไม่ , และมันมีบทบาทอย่างไรในอาหาร???น้ำตาลเทียมเป็นสารประกอบที่ให้รสหวานแต่ไม่มีพลังงานเหมือนในน้ำตาล และมีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 30 ถึง 8,000เท่าและด้วยเหตุนี้มันจึงมีพลังงานน้อยกว่าเมื่อใช้ประกอบอาหาร ในน้ำตาลทรายละเอียด 1กรัมให้พลังงาน 4แคลอรี่ น้ำตาลเทียมไม่มีพลังงานเลยน้ำตาลเทียมสามารถใช้ในการควบคุมน้ำหนัก และเบาหวาน ทำให้เรามีสติในการควบคุมพลังงานและบริโภคอาหารที่หลากหลายไม่ต้องงดอาหารที่ชอบกินสิ่งนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ในการใช้กับผู้ป่วยเบาหวาน และโรคอ้วน น้ำตาลเทียมไม่มีผลกับระดับน้ำตาลในเลือด แต่อาหารบางชนิดที่ประกอบด้วยน้ำตาลเทียมก็ยังคงมีผลกัน้ำตาลในเลือด เพราะสารคาร์โบไฮเดรด หรือโปรทีนอื่นๆในอาหารเหล่านั้น ขณะที่อาหารที่ใส่น้ำตาลเทียมเป็นอาหารปราศจากน้ำตาลความจริงปัญหาการควยคุมน้ำหนักอยู่ที่พลังงานที่รับและใช้ไป หากรับ และใช้ไปหมดก็จะไม่มีการสะสมเป็นไขมัน กการใช้น้ำตาลเทียมก็ช่วยได้ แต่หากว่าคุณดื่มไดเอ็ทโซด หรือ ไดเอ็ทโค๊ก แต่ทานเค็ก หรือไอศครีมนั้นไม่ได้ช่วยลดพลังงานที่คุณบริโภคเข้าไปเลยแต่การใช้น้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุได้ หากไม่บริโภคอาหารที่มีกรดอย่างในน้ำหวานที่ผสมโซดา เป็นต้นแซ็คคารีน ซาก้าเริ่มใช้ในปี 1970s, ในปี 1977 เอฟดีเอของสหรัฐพยายามจะแบนน้ำตาลเทียมนี้ เพราะมีผลการวิจัยในสัตง์ทดลองพบว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ, ท่องทางเดินปัสสสวะ, รังไข่, ผิวหนัง ลัวยวะอื่นๆ แต่โณงงานผลิตอาหารประท้วง และได้รับชัยชนะข้อพิพาษนั้นในสภาทำให้ยังคงมีขายในตลาดโดยมีคำเตือนไว้ว่า “การใช้สารนี้อาจทำงห้เกิดปัญหายุ่งยากกับสุขภาพของท่าน ผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วยแซ็คคารีน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง”ในช่ว่งปลายทศวรรษ 1990s องค์กรควบคุมแคลอรรี่ยืนยันความกังวลในสุขภาพที่จะเกิดขึ้นกับประชากรเมื่อทดสอบแซ้คคารีนพบว่าทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในหนูตัวผู้ และให้ถอดออกจากตลาด แต่สภาคอนเกรส ไม่เห็นด้วยในประชากรที่ติดหวานโดยบริโภคน้ำตาลเทียม/แอสพารแตมซึ่งมีความผิดปกติที่เรีบกว่า ฟีนิวคีโตยูเรีย(PKU),จะไม่สามารถเผาผลาญฟินิวอะลานินได้ PKU ตรวจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดโดยโปรแกรมการทดสอบในระยะสั้นบางรายอาจเกิดปวดศีรษะหลังบริโภคอาหารหวานที่ใส่น้ำตาลเทียมผลของน้ำตาลเมา เป็นทคนิคในการทำ, น้ำตาลเมาสามารถทำให้ท้องอืด,ท้องเดินในรายคน เพียงบริโภคน้ำตาลเมาเข้าไปเพียง 50กรัมประชากรชาวอเมริกันบริโภคน้ำตาลเทียมราว 180ล้านคนจากการกินดื่มผลิตภัณฑ์ปราศจกาน้ำตาล เช่นโซดาผสมน้ำตาลเทียม ในปี2004สถิติที่รวบรวมโดยองค์กรควบคุมแคลอรี่พบว่าแน้วโน้มการบริโภคไม่ลดลงเลยน้ำตาลเทียมตัวใหม่ล่าสุดคือสูคราลา (สฟลีนดา) ซึ่งจะไม่มีผลกับความร้อน และยังคงรสหวานในเครื่องดื่มร้อนๆ, สิ้นค้าที่แห้ง, และอาหาร นูตร้าสวีทไม่สามารถเก็บได้นานและใช้ปรุงอาหารไม่ได้ แต่สฟลีนดามีความเสถียรแม้นว่าจะถูกความร้อนดังนั้นจึงใช้ในการปรุงอาหารได้น้ำตาลเทียมอื่นอย่าง อลิแตมมีความหวานเป็น2,000เท่าของซูโครส ใช้กับอาหารและเครื่องดื่มในสหรัฐน้ำตาลเทียมอย่างไซคลาเมทมีความหวาน 30เท่าของซูโครส แต่พบว่ามีความหวานน้อยมากในทางการค้าจึงยกเลิกไปในปี 1970นอกจากนี้ยังมี ไดไฮโครชาโคเนสเป็นน้ำตาลเทียมที่ไม่มีแคลอรี่เป็นอนุพันจากไบโอฟลาโวนอยด์ของผลไม้รสเปรี้ยวมีความหวาน 300 – 2,000เท่าของซูโครสกลัยไซไรซินสกัดออกมาจากรากของไลโคไรซ์ไม่มีแคลอรี่ ฟวานเป็น 50 – 100เท่าของซูโครสสทีไวโอไซด์มาจากใบของพืชทางอเมริกาใต้ และมีความหวาน 300เท่าของซูโครส ได้รับการอนุญาตให้ใช้ได้ใน 10ประเทศได้แก่ญี่ปุ่น, ฟารากว, และบลาซิล ฯลฯ ในสหรัฐขายในลักษณะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารธอมาติน เป็นสารผสมของโปรทีนจากผลไม้อฟิริกาตะวันตกซึ่งมีความหวาน 2,000 – 3,000เท่าของซูโครสในสหรัฐอนุญาตให้ใช้เป็นผงที่ผสมในเครื่องดื่ม, แยม, เจลลี่, ผลิตภัณฑ์นม, โยเกิร์ต, ชีส, กาแฟและชาอินสเทนท์, หมากฝรั่งอีกแหล่งข่าวหนึ่งข้อมูลเตือนเรื่องสารแอสปาแตม ( โปรดอ่านรายละเอียดภาษาอังกฤษด้านล่าง )สรุปย่อ สารให้ความหวานเทียมทั้งหลาย ที่ถูกนำมาใช้แทนน้ำตาล รวมทั้งที่อยู่ในอาหารและเครื่องดื่ม เป็นสารพิษอย่างร้ายแรงที่ให้ผู้บริโภคตายช้าๆอย่างทรมาน เนื่องจากมันเป็นสารเคมีที่เข้าโจมตีระบบประสาทในสมองอย่างร้ายแรง คนที่บริโภคสารให้ความหวานเหล่านี้ จะมีอาการผิดปกติ 92 อย่าง หนึ่งในนั้นคือจะมีอาการที่เรียกว่า ลูปัสดังนั้นผู้ที่ชอบกินของหวานเทียม ดื่มน้ำอัดลมไดเอ็ททั้งหลาย หรือดื่มกาแฟใส่น้ำตาลเทียมระวังให้ดี นี่เป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นกับตัวผู้บริโภคเท่านั้น ยังไม่รวมเด็กในท้องแม่ที่รับประทานสิ่งเหล่านี้ ว่าจะมีผลต่อสมองอ่อนๆของพวกเขาอย่างไรASPARTAME - THE SILENT KILLERFor those who take Ricola & Fisherman , please note that they both contain Aspartame - the silent killer.Fisherman SweetsFOR THOSE WHO LIKE TO EAT FISHERMAN SWEETS BE CAREFUL: Sugar free products contain ASPARTAME .. So don't consume Sugar free product esp. 'fisherman sweets' ASPARTAME - THE SILENT KILLER (by Ron Harder)To those who prefer to consume artificial flavouring:There is an epidemic acrossNorthAmerica today of Multiple Sclerosis and Lupus. Most people do not understand why this epidemic is happening, and they do not know why these diseases are so rampant. I would like to share with you the main reason we are having this very serious problem. Many people today use artificial sweeteners in their tea or coffee.They do this because the ads they see on TV tell them that sugar is bad for their health. This is absolutely true. Sugar is toxic to us , but what most people use as a replacement for sugar is much more deadly. I am talking about ASPARTAME. It is the cause of the epidemic that was mentioned above. ASPARTAME is an extremely toxic chemical that is produced by a chemical company called Monsanto.ASPARTAME is being marketed around the world as a sugar substitute and is found in all diet soft drinks, such as Diet Coke and Diet Pepsi . It is also found in artificial sweeteners such as NutraSweet, Equal, and Spoonful ; and it is used in many other products as a sugar replacement.ASPARTAME is marketed as a diet product, but it is not a diet product at all. In fact, it will cause you to GAIN weight because it makes you crave carbohydrates. Causing you to gain weight is only a very small part of what ASPARTAME does. It is a toxic chemical that changes the brain's chemistry It can and does cause severe seizures.This chemical changes the dopamine level in the brain, and it is particularly deadly for anyone suffering from Parkinson's disease.ASPARTAME is extremely poisonous, and here is why one of the toxic ingredients of it is wood alcohol. When the temperature ofASPARTAME exceeds 86 degrees F, the wood alcohol in it is converted to Formaldehyde, and then to formic acid, which in turn causes folic acidosis.FORMALDEHYDE is grouped in the same class of poisons as Cyanide and Arsenic which are very deadly toxins. The only difference is, Formaldehyde kills quietly, and it takes a little longer. And, in the process of killing people, it causes all kinds of neurological problems. There are 92 documented symptoms of Aspartame Poisoning leading to coma and death.The majority of these symptoms are neurological, because the ASPARTAME attacks and destroys the nervous system. One of these symptoms is Lupus, which has become almost as rampant as Multiple Sclerosis, especially with Diet Coke and Diet Pepsi drinkers.